การมาที่ค่ายลูกเสือครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของเรา เมื่อมาถึงค่าย บรรยากาศยังคงสดใสเหมือนครั้งแรก ทุกอย่างดูคุ้นเคยและราวกับว่าเวลาย้อนกลับไปเป็นครั้งแรกที่เราได้มา แต่เมื่อเรามองไปรอบๆ ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ฐานกิจกรรมบางแห่งย้ายที่ไป หรือมีฐานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา บางคนที่มาใหม่อาจรู้สึกไม่คุ้นเคยกับการทำกิจกรรม หรือกับการลงโทษบางอย่าง แต่สำหรับเราที่เคยมาแล้ว เราจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเท่าไร ครั้งแรกที่มาค่าย เราได้พักค้างคืนในค่าย แต่ครั้งนี้เราไม่ได้พักค้างคืนและทำกิจกรรมกันทั้งวัน เราได้เล่นฐานต่างๆ ที่ทั้งสนุกและท้าทาย ฐานที่ต้องปีนป่ายเชือกสูง, ฐานที่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ, และบางฐานที่มีน้ำหรือโคลน ซึ่งทำให้เพื่อนๆ หลายคนสนุกสนานไปกับการเล่นน้ำ แต่เราไม่ได้เข้าร่วมในฐานที่ต้องเปียกหรือเปื้อนมากนัก เนื่องจากเรารู้สึกไม่สบายเพราะเป็นฤดูหนาว เราก็เลยเลือกเล่นในฐานที่ไม่เปียกน้ำมากเกินไป แต่เราก็สนุกกับการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ ความแตกต่างจากครั้งแรกคือครั้งนี้เราไม่ได้ซื้อของที่ระลึกจากร้านค้าที่เปิดในค่าย เพราะร้านค้าปิดทำการ ทำให้เราไม่ได้รับของที่ระลึกเหมือนครั้งแรก เช่น ไฟฉาย กระบอกไฟของเล่น ขนมต่างๆ ที่เราซื้อเป็นของฝากจากค่าย แต่แม้จะไม่ได้ของที่ระลึก เราก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร เพราะความสนุกจากการทำกิจกรรมและการอยู่กับเพื่อนๆ ก็เพียงพอแล้ว เเต่เราก็รู้สึกเกรงกลัวว่าถ้าร้านเปิด เเล้วเหตุการณ์คล้ายๆครั้งเเรก มีคนขายคนเดียวกันที่ทำให้เราร้องไห้เสียใจ เขาจะด่าเราไหม เเต่เราไม่คิดอย่างนั้นเราจึงเดินหน้าต่อไป ในเรื่องของการเดินทาง ครั้งแรกเราเดินทางโดยรถของผู้ปกครองการ เเต่ครั้งที่สองเป็นการเดินทางไกลจากโรงเรียน ไปที่ ค่าย ครูดูแลความปลอดภัยตลอดทาง ซึ่งทำให้เรารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เเต่ครั้งก่อนการเดินทางสะดวกสบายและรวดเร็ว เพียงแค่ขึ้นรถผู้ปกครองก็ถึงค่ายโดยไม่ต้องรอคอยเหมือนตอนที่เราเดินไปกลับ วันที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และความสนุกจากกิจกรรมในค่ายทำให้เวลาผ่านไปไม่รู้ตัว เมื่อกิจกรรมจบลง เราก็เดินทางกลับโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนๆ ด้วยความทรงจำดีๆ ที่เราไม่สามารถลืมได้ แม้ว่าจะมีความแตกต่างจากครั้งแรกบ้าง แต่ก็ยังคงเป็นประสบการณ์ที่มีค่าและสอนให้เราเรียนรู้การทำงานเป็นทีม ความสามัคคี และความสนุกที่ได้จากการอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ ในค่าย ครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่าไม่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ค่ายลูกเสือก็ยังคงเป็นที่ๆ เราสามารถสร้างความทรงจำดีๆ ได้ และความสนุกไม่ได้มาจากแค่ของที่ระลึกหรือกิจกรรมที่เราเคยทำ แต่เกิดจากการที่เราได้อยู่ร่วมกับเพื่อนๆ และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกครั้งที่กลับมาที่ค่ายนี้
เนื้อเรื่อง วันที่ 2
วันนั้นเป็นอีกวันนึงที่เราเข้าค่าย ต่อจากการเข้าค่ายเดินทางไกล วันถัดไปก็จะเป็นวันวิชาสูทกรรม ซึ่งหมู่เราจะต้องทำอาหารทานเอง และส่งให้ครูผู้กำกับตรวจสอบ เริ่มจากมาถึงโรงเรียน เราก็ไปเข้าแถวเช็คชื่อ เปิดกอง และเตรียมวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหาร เมื่อเปิดกองเสร็จ เราก็เดินทางไปที่สถานที่ทำอาหาร ไปตั้งเตาและจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น ทุกคนในกลุ่มก็พร้อมเพรียงกันกับการเตรียมวัตถุดิบที่ได้รับมอบหมาย พอทุกคนเตรียมพร้อม เราก็เริ่มวางแผนช่วยกันว่าจะทำอะไร คนนึงหุงข้าว คนนึงเตรียมอุปกรณ์ คนนึงเตรียมวัตถุดิบต่างๆ แล้วก็เริ่มทำอาหารกัน บางคนทำเสร็จแล้วก็เอากระทะไปล้าง หรือบางครั้งกำลังจะทำก็จะมีเพื่อนมาช่วยล้างให้ ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากเท่าไหร่ คล้ายๆ กับตอนป.5 ที่เราเคยผ่านมา แต่วันนี้เราไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ช่วยแค่ล้างจานล้างช้อนเท่านั้น พอเสร็จแล้วก็ยืนอยู่เฉยๆ รอทำอาหารต่อ แต่ไม่ได้ทำอะไรมาก เพราะหน้าที่ของเรามีแค่บางส่วน ตอนเก็บข้าวของกัน เราก็ช่วยกันเก็บขยะเพราะพื้นที่ตรงนั้นจะมีคนใช้ต่อไป เราจึงช่วยกันรักษาความสะอาด พอตัดไปที่ครู ครูได้ชิมอาหารของเราแล้วพูดว่า "เยี่ยม ดีแล้ว" ทุกคนในกลุ่มก็ดีใจกันมากที่เราได้ทำอาหารออกมาได้ดี ถึงแม้บางช่วงจะเละเทะไปหน่อย แต่ทุกคนก็ตั้งใจทำกันมากๆ จนกระทั่งส่งให้ผู้กำกับตรวจสอบว่า "ผ่าน" หรือ "ไม่ผ่าน" หมู่เราที่ทำอาหารได้ดีเยี่ยมก็ผ่านการตรวจสอบ และเราก็พ้นจากคำว่า "ไม่ผ่าน" ไปเรียบร้อย จากนั้นเราก็ทำอาหารทานเองอย่างเอร็ดอร่อย ทุกคนรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ทำและได้ทานอาหารที่เราเตรียมเอง ท่ามกลางเสียงหัวเราะและความสุขที่มีในกลุ่มเรา